คนท้องท้องแข็งบ่อย อันตรายไหม?

  ***อาการท้องแข็งในคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 แต่หากเกิดบ่อยกว่าปกติ มีความรุนแรงมากขึ้น หรือมาพร้อมกับอาการอื่น เช่น ปวดท้องรุนแรง เลือดออกทางช่องคลอด หรือมีน้ำคร่ำไหล ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้***

ท้องแข็งแบบปกติ

 ข้อที่ 1 ทารกในครรภ์ดิ้นแรงหรือโก่งตัว
ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า เช่น เสียง แสง หรืออาหารที่คุณแม่รับประทาน บางครั้งอาจโก่งตัวหรือเหยียดขาไปชนผนังมดลูก ทำให้บางจุดของหน้าท้องแข็งและบางจุดนิ่ม ซึ่งเป็นภาวะปกติที่แสดงถึงพัฒนาการของทารก

ข้อที่ 2 มดลูกเกิดการบีบรัดตัวขึ้นเอง 

  มดลูกอาจมีการบีบรัดตัวเป็นระยะโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด หรือเกิดจากปัจจัย เช่น ความเครียด ภาวะขาดน้ำ หรือโรคประจำตัวของคุณแม่ เช่น เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและทำให้มดลูกไวต่อการบีบตัวมากขึ้น

ข้อที่ 3 การทานอาหารอิ่มเกินไป
  ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้หากรับประทานอาหารมากเกินไปหรือเลือกอาหารที่ย่อยยาก อาจเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้มดลูกถูกเบียดและเกิดอาการท้องแข็งชั่วคราวได้ ควรแบ่งมื้ออาหารให้เล็กลงและเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สเพื่อลดอาการไม่สบายตัว

ท้องแข็งที่ต้องรีบพบแพทย์

  หากอาการเกิดขึ้นเป็นระยะ เช่น ท้องแข็งทุก 10 นาที ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง และไม่ทุเลาลงเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ อาจเป็นสัญญาณของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูการเปิดของปากมดลูก

  นอกจากนี้ หากมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังจากพักผ่อน อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลทันที หากปล่อยไว้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกในครรภ์

  ***ถ้าท้องแข็งเป็นบางจุดแล้วหายไป นั่นคือเรื่องปกติ แต่ถ้าแข็งบ่อย ถี่ขึ้น แน่น เจ็บ หรือหายใจลำบาก อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ ดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ย่อยง่าย และฟังร่างกายตัวเองเสมอ เพื่อให้เจ้าตัวเล็กเติบโตอย่างปลอดภัยนะคะ!**

“แม่สบายใจ ลูกในท้องก็สบายตัว”